- พูลวิลล่าติดทะเล ห้องพักสุดหรู สะอาด มีมาตรฐาน
- บริการรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- มีความเป็นส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
บริการห้องพัก โรงแรม รีสอร์ท ระดับ 4 ดาว
เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจห้องพัก โรงแรม รีสอร์ท ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ
ทีมงาน และบรรยากาศ
รีวิวลูกค้าจริง K-RESORT
ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่รีวิวให้ ทางเราจะพัฒนาการให้บริการดียิ่งขึ้นค่ะ
เรามีโปรโมชั่นให้ ราคาคุ้มค่าที่สุด คุณภาพทุกงาน บริการสุดประทับใจ
เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจห้องพัก โรงแรม รีสอร์ท ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ
-
เกร็ดความรู้! คำเรียกประเภทห้อง และ เตียงของโ...
-
5 เทคนิคเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบ้าน
-
6 วิธีรักษาพื้นไม้เนื้อแข็ง ทำอย่างไรให้คงทน
เกร็ดความรู้! คำเรียกประเภทห้อง และ เตียงของโรงแรม
ช่วงนี้ชาวไทยหลายท่านคงรู้สึกอึดอัด ที่ต้องหยุดพักอยู่บ้านไม่สามารถออกเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างปกติ โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวซึ่งเป็นกิจกรรมอันจะทำให้ได้รู้สึกบันเทิงเริงรมย์ได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถออกเดินทางไปสัมผัสได้
ผมจึงขอใช้โอกาสที่ท่านได้พักอยู่กับบ้าน มาเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคำที่ใช้เรียกประเภทห้องพัก และ ประเภทของเตียงในโรงแรมอย่างถูกต้อง เพื่อว่าหลังโรคโควิด19 ระบาดจะสงบลง ท่านคงมีโอกาสได้ใช้บริการโรงแรมที่พักและมีการโทร.จอง จะได้มีความเข้าใจได้ไม่ผิดเพี้ยนต่อกัน วันนี้เรามาสรุปเรื่อง คำเรียกประเภทห้องพัก และเตียงโรงแรมกันดีกว่าครับ
คำเรียกประเภทห้องพักโรงแรม
ห้องสแตนดาร์ด (Standard) ถือเป็นห้องพักระดับเริ่มต้นของโรงแรม มีลักษณะเป็นห้องพักแบบมาตรฐานทั่วไป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นควรจะมี ได้แก่ เตียง ทีวี ตู้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว มีขนาดห้องเล็กที่สุดในโรงแรม ราคาจะถูกกว่าห้องพักแบบอื่น
ห้องซูพีเรีย (Superior) เป็นห้องที่มีขนาดกว้าง หรือใหญ่กว่าห้องสแตนดาร์ดขึ้นมาอีกเล็กน้อย มีการเพิ่มเติมเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้มากกว่าห้องสแตนดาร์ด วิวจะสวยกว่าห้องแบบสแตนดาร์ดขึ้นมาหน่อย
ห้องดีลักซ์ (Deluxe) จัดเป็นห้องพักที่หรูหรา มีเตียงขนาดใหญ่ เฟอร์นิเจอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การตกแต่งห้องดูดีกว่าห้องซูพีเรีย วิวทิวทัศน์ก็จะมองเห็นได้กว้างไกลสวยงามกว่าห้องซูพีเรีย ราคาค่าบริการห้องนี้จึงสูงกว่าห้องพักแบบซูพีเรีย
ห้องสวีท (Suite) ถูกจัดให้เป็นห้องพักที่มีความหรูหราที่สุด มีเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่าห้องอื่นๆ มีความโดดเด่นเฉพาะตัว โดยจะมีการแบ่งสัดส่วนแบ่งเป็นห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย ขนาดพื้นที่ก็จะมีมากกว่าห้องพักแบบอื่น ตั้งอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงามที่สุด ห้องนี้จึงเหมาะสมกับคู่รัก คู่สมรส หรือครอบครัว ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบาย แน่นอนครับสนนราคาค่าบริการจะสูงกว่าห้องอื่นๆ ค่อนข้างมาก
อ้างอิงเนื้อหาจาก : https://www.sanook.com/travel/1420535/
3 ก.ค. 2566
ผมจึงขอใช้โอกาสที่ท่านได้พักอยู่กับบ้าน มาเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคำที่ใช้เรียกประเภทห้องพัก และ ประเภทของเตียงในโรงแรมอย่างถูกต้อง เพื่อว่าหลังโรคโควิด19 ระบาดจะสงบลง ท่านคงมีโอกาสได้ใช้บริการโรงแรมที่พักและมีการโทร.จอง จะได้มีความเข้าใจได้ไม่ผิดเพี้ยนต่อกัน วันนี้เรามาสรุปเรื่อง คำเรียกประเภทห้องพัก และเตียงโรงแรมกันดีกว่าครับ
คำเรียกประเภทห้องพักโรงแรม
ห้องสแตนดาร์ด (Standard) ถือเป็นห้องพักระดับเริ่มต้นของโรงแรม มีลักษณะเป็นห้องพักแบบมาตรฐานทั่วไป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นควรจะมี ได้แก่ เตียง ทีวี ตู้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว มีขนาดห้องเล็กที่สุดในโรงแรม ราคาจะถูกกว่าห้องพักแบบอื่น
ห้องซูพีเรีย (Superior) เป็นห้องที่มีขนาดกว้าง หรือใหญ่กว่าห้องสแตนดาร์ดขึ้นมาอีกเล็กน้อย มีการเพิ่มเติมเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้มากกว่าห้องสแตนดาร์ด วิวจะสวยกว่าห้องแบบสแตนดาร์ดขึ้นมาหน่อย
ห้องดีลักซ์ (Deluxe) จัดเป็นห้องพักที่หรูหรา มีเตียงขนาดใหญ่ เฟอร์นิเจอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การตกแต่งห้องดูดีกว่าห้องซูพีเรีย วิวทิวทัศน์ก็จะมองเห็นได้กว้างไกลสวยงามกว่าห้องซูพีเรีย ราคาค่าบริการห้องนี้จึงสูงกว่าห้องพักแบบซูพีเรีย
ห้องสวีท (Suite) ถูกจัดให้เป็นห้องพักที่มีความหรูหราที่สุด มีเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่าห้องอื่นๆ มีความโดดเด่นเฉพาะตัว โดยจะมีการแบ่งสัดส่วนแบ่งเป็นห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย ขนาดพื้นที่ก็จะมีมากกว่าห้องพักแบบอื่น ตั้งอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงามที่สุด ห้องนี้จึงเหมาะสมกับคู่รัก คู่สมรส หรือครอบครัว ที่ต้องการความหรูหราสะดวกสบาย แน่นอนครับสนนราคาค่าบริการจะสูงกว่าห้องอื่นๆ ค่อนข้างมาก
อ้างอิงเนื้อหาจาก : https://www.sanook.com/travel/1420535/
5 เทคนิคเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบ้าน
เรามักจะได้รับคำแนะนำในการเลือกเฟอร์นิเจอร์กันบ่อย ๆ ว่าเวลาเลือก ให้คิดถึงความเหมาะสมมากกว่าความสวยงาม ให้เลือกสไตล์และโครงสร้างที่เหมาะ สามารถใช้งานได้นานหลายปี นอกจากนั้นต้องพิจารณาดูรายละเอียด และคุณภาพให้ดีด้วย และนี่คือหลักการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมและลงตัวกับบ้าน
1.โครงสร้าง : หากคุณต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกหนักและแข็งแรง ก็ให้หลีกเลี่ยงการเลือกพวกพาร์ติเคิลบอร์ด และพวกกรอบอลูมิเนียมน้ำหนักเบา รวมทั้งไม้ที่เป็นแท่ง ๆ กรอบเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้แข็งส่วนมากจะมีความทนทาน และเป็นมาตรฐาน แต่ต้องให้แน่ใจว่าชิ้นไม้นั้นต้องตอบโจทย์ในใจของคุณว่า คุณต้องการใช้งานมันนานแค่ไหน นอกจากกรอบหรือโครงแล้ว เบาะหรือที่นั่งก็ต้องดูโครงสร้างเช่นกัน ก่อนซื้อต้องลองนั่ง ไม่ว่าเฟอร์นิเจอร์จะดูสวยแค่ไหน แต่ถ้าใช้งานไม่สบาย ก็ไม่ควรเลือกมาใช้
2.เค้าโครงร่าง : ซึ่งหมายถึงรูปร่างโดยรวมของชิ้นเฟอร์นิเจอร์ ว่าเป็นรูปร่างที่ทันสมัย หรือแบบมาตรฐาน การเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านนั้น นับเป็นการลงทุนที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเรา ดังนั้น การเลือกโครงร่าง หรือรูปร่างโดยรวมของเฟอร์นิเจอร์นั้นเราต้องตัดสินใจว่าจะเลือกที่ชอบหรือเลือกที่การใช้งานยาวนาน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเลือกชิ้นงานที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสไตล์ แต่ให้คิดว่า เราชอบความทันสมัยหรือชอบรูปแบบทั่ว ๆ ไปเพราะมีทางเลือกให้เรามากมายในท้องตลาด
3.การเคลือบเฟอร์นิเจอร์ : การเลือกสีไม้ก็สำคัญเช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ที่โชว์เนื้อไม้ ก็มีการนำวัสดุเคลือบที่แตกต่างกันมาใช้ เพื่อให้สามารถดูแลได้ง่าย อาจจะเป็นการทาสี หรือการเคลือบเงา ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของผู้เลือก
4.เนื้อผ้า : เนื้อผ้าสีอ่อนมักจะเหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องโถง หรือห้องนอน แต่ทั้งนี้หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้บ่อย เนื้อผ้าสีอ่อนอาจจะไม่เหมาะ อาจจะเลือกสีเข้มก็ได้
5.สิ่งที่ไม่คาดคิด : บางครั้งการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ก็มีองค์ประกอบที่เราไม่คาดคิด เฟอร์นิเจอร์ที่เราชอบ อาจจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงแล้ว มีรูปร่างที่ถูกใจ เนื้อผ้า เนื้อวัสดุ ลงตัว แต่กลับใช้งานไม่ค่อยสบาย เป็นต้น หรืออาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกใจ แต่ทั้งนี้ เราควรจะตระหนักว่า สไตล์ของตัวเรานั้น สามารถสะท้อนให้เห็นจากเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกนั่นเอง
อ้างอิงเนื้อหาจาก
www.bconinterior.com/5-เทคนิคเลือกเฟอร์นิเจอร/
26 เม.ย. 2565
1.โครงสร้าง : หากคุณต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกหนักและแข็งแรง ก็ให้หลีกเลี่ยงการเลือกพวกพาร์ติเคิลบอร์ด และพวกกรอบอลูมิเนียมน้ำหนักเบา รวมทั้งไม้ที่เป็นแท่ง ๆ กรอบเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้แข็งส่วนมากจะมีความทนทาน และเป็นมาตรฐาน แต่ต้องให้แน่ใจว่าชิ้นไม้นั้นต้องตอบโจทย์ในใจของคุณว่า คุณต้องการใช้งานมันนานแค่ไหน นอกจากกรอบหรือโครงแล้ว เบาะหรือที่นั่งก็ต้องดูโครงสร้างเช่นกัน ก่อนซื้อต้องลองนั่ง ไม่ว่าเฟอร์นิเจอร์จะดูสวยแค่ไหน แต่ถ้าใช้งานไม่สบาย ก็ไม่ควรเลือกมาใช้
2.เค้าโครงร่าง : ซึ่งหมายถึงรูปร่างโดยรวมของชิ้นเฟอร์นิเจอร์ ว่าเป็นรูปร่างที่ทันสมัย หรือแบบมาตรฐาน การเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านนั้น นับเป็นการลงทุนที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเรา ดังนั้น การเลือกโครงร่าง หรือรูปร่างโดยรวมของเฟอร์นิเจอร์นั้นเราต้องตัดสินใจว่าจะเลือกที่ชอบหรือเลือกที่การใช้งานยาวนาน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเลือกชิ้นงานที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสไตล์ แต่ให้คิดว่า เราชอบความทันสมัยหรือชอบรูปแบบทั่ว ๆ ไปเพราะมีทางเลือกให้เรามากมายในท้องตลาด
3.การเคลือบเฟอร์นิเจอร์ : การเลือกสีไม้ก็สำคัญเช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ที่โชว์เนื้อไม้ ก็มีการนำวัสดุเคลือบที่แตกต่างกันมาใช้ เพื่อให้สามารถดูแลได้ง่าย อาจจะเป็นการทาสี หรือการเคลือบเงา ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของผู้เลือก
4.เนื้อผ้า : เนื้อผ้าสีอ่อนมักจะเหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องโถง หรือห้องนอน แต่ทั้งนี้หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้บ่อย เนื้อผ้าสีอ่อนอาจจะไม่เหมาะ อาจจะเลือกสีเข้มก็ได้
5.สิ่งที่ไม่คาดคิด : บางครั้งการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ก็มีองค์ประกอบที่เราไม่คาดคิด เฟอร์นิเจอร์ที่เราชอบ อาจจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงแล้ว มีรูปร่างที่ถูกใจ เนื้อผ้า เนื้อวัสดุ ลงตัว แต่กลับใช้งานไม่ค่อยสบาย เป็นต้น หรืออาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกใจ แต่ทั้งนี้ เราควรจะตระหนักว่า สไตล์ของตัวเรานั้น สามารถสะท้อนให้เห็นจากเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกนั่นเอง
อ้างอิงเนื้อหาจาก
www.bconinterior.com/5-เทคนิคเลือกเฟอร์นิเจอร/
6 วิธีรักษาพื้นไม้เนื้อแข็ง ทำอย่างไรให้คงทน
พื้นไม้เนื้อแข็งเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านดูสวยงามดูเป็นธรรมชาติ แต่ความสวยงามนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาแพง อีกทั้งการดูแลรักษาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกด้วย ปัญหาจากการใช้ไม้เนื้อแข็งมาทำพื้น มีทั้งเรื่องของรอยขีดข่วน สีซีดจาง การดูดความชื้น การโก่งตัว บางครั้งก็มีปัญหาเชื้อราด้วย แต่หากเรารู้เทคนิคในการดูแล ปัญหาต่าง ๆ ก็สามารถป้องกันได้
1.รักษาอุณภูมิให้เย็น แม้ว่าการปิดแอร์ จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้เราได้ แต่การปล่อยให้อุณภูมิในห้องร้อนเกินไป โดยเฉพาะในวันที่มีอากาศร้อนมาก ๆ จะทำให้พื้นไม้แข็งเสียหาย ดังนั้น ในวันที่มีอากาศร้อนจัด การเปิดแอร์ จะช่วยให้ยืดอายุให้กับพื้นไม้เนื้อแข็งได้
2.อย่าปล่อยให้มีความชื้น หากคุณอยู่ในที่ซึ่งมีสภาพอากาศชื้น ทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยรักษาพื้นไม้เนื้อแข็งได้ก็คือการใช้เครื่องดูดความชื้น เพื่อลดปริมาณความชื้นในอากาศ
3.อย่าให้แสงแดดส่องพื้นไม้เนื้อแข็งโดยตรง พื้นไม้บางชนิดก็ทนต่อแสงแดด แต่บางชนิดก็ไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการป้องกันด้วยการปิดม่านหน้าต่าง ไม่ให้แสงแดดส่องตรงก็จะช่วยได้
4.เปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์บ้าง การเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์บ้างนั้น ไม่เพียงดีในแง่การไหลเวียนของพลังตามหลักฮวงจุ้ย แต่ยังดีต่อพื้นไม้ด้วย การเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ จะทำให้พื้นไม้ได้มีโอกาสสัมผัสอากาศ สัมผัสแสงอย่างทั่วถึง
5.ไม่ควรใส่รองเท้าเดินบนพื้นไม้ เพราะรองเท้านั้น จะนำเอาฝุ่น และสิ่งสกปรกเข้ามาในบ้าน และยังอาจจะทำให้พื้นไม้เป็นรอยขูดขีด ทั้งจากพื้นรองเท้า และจากเศษหินเศษอิฐที่อาจติดมากับรองเท้า
6.ซ่อมแซมพื้นเสียใหม่ หากพื้นไม้เนื้อแข็ง ถูกทำให้เสียหายในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เป็นการยากที่จะซ่อมแซมด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้วก็ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาแก้ไข แต่ควรรอให้หมดช่วงฤดูกาลที่อากาศร้อนจัด แดดจัดเสียก่อน
อ้างอิงเนื้อหาจาก
www.bconinterior.com/6-วิธีรักษาพื้นไม้เนื้อแ/
26 เม.ย. 2565
1.รักษาอุณภูมิให้เย็น แม้ว่าการปิดแอร์ จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้เราได้ แต่การปล่อยให้อุณภูมิในห้องร้อนเกินไป โดยเฉพาะในวันที่มีอากาศร้อนมาก ๆ จะทำให้พื้นไม้แข็งเสียหาย ดังนั้น ในวันที่มีอากาศร้อนจัด การเปิดแอร์ จะช่วยให้ยืดอายุให้กับพื้นไม้เนื้อแข็งได้
2.อย่าปล่อยให้มีความชื้น หากคุณอยู่ในที่ซึ่งมีสภาพอากาศชื้น ทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยรักษาพื้นไม้เนื้อแข็งได้ก็คือการใช้เครื่องดูดความชื้น เพื่อลดปริมาณความชื้นในอากาศ
3.อย่าให้แสงแดดส่องพื้นไม้เนื้อแข็งโดยตรง พื้นไม้บางชนิดก็ทนต่อแสงแดด แต่บางชนิดก็ไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการป้องกันด้วยการปิดม่านหน้าต่าง ไม่ให้แสงแดดส่องตรงก็จะช่วยได้
4.เปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์บ้าง การเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์บ้างนั้น ไม่เพียงดีในแง่การไหลเวียนของพลังตามหลักฮวงจุ้ย แต่ยังดีต่อพื้นไม้ด้วย การเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ จะทำให้พื้นไม้ได้มีโอกาสสัมผัสอากาศ สัมผัสแสงอย่างทั่วถึง
5.ไม่ควรใส่รองเท้าเดินบนพื้นไม้ เพราะรองเท้านั้น จะนำเอาฝุ่น และสิ่งสกปรกเข้ามาในบ้าน และยังอาจจะทำให้พื้นไม้เป็นรอยขูดขีด ทั้งจากพื้นรองเท้า และจากเศษหินเศษอิฐที่อาจติดมากับรองเท้า
6.ซ่อมแซมพื้นเสียใหม่ หากพื้นไม้เนื้อแข็ง ถูกทำให้เสียหายในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เป็นการยากที่จะซ่อมแซมด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้วก็ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาแก้ไข แต่ควรรอให้หมดช่วงฤดูกาลที่อากาศร้อนจัด แดดจัดเสียก่อน
อ้างอิงเนื้อหาจาก
www.bconinterior.com/6-วิธีรักษาพื้นไม้เนื้อแ/
ติดต่อเรา
71/2-13 โครงการโอโซนพลาซ่า ห้อง H1C,H2C ถนนคู้บอน แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงทพฯ 10230